อารยธรรมตะวันตก นักประวัติศาสตร์ สมัยก่อนคริสตกาล

อารยธรรมตะวันตก รู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษที่เรียกว่า Western Civilization มีแหล่งกำเนิดในดินแดน เมโสโปเตเมีย หรือที่ในภาษากรีก หมายถึง ดินแดนระหว่างแม่น้ำ 2 สาย นั่นก็คือแถบลุ่มแม่น้ำไทกริส และยูเฟรทีส ในปัจจุบันนั่นก็คือ ประเทศอิรักนั่นเอง อีกสายหนึ่งคือและลุ่มแม่น้ำไนล์ ในประเทศอียิปต์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ปัจจุบันดินแดนทั้งสองแห่งนี้ จัดอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง จะสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า

อารยธรรมหลายๆอย่าง ในโลกตะวันตกนั้นมีต้นกำเนิด มาจากสถานที่แห่งนี้ทั้งสิ้น ดินแดนแห่งนี้จัดเป็น ดินแดนที่มีความเจริญรุ่งเรือง จนกลายเป็นอู่อารยธรรมที่สำคัญของโลก หลักฐานทางประวัติศาสตร ที่สำคัญอย่างพระคัมภีร์ไบเบิล ได้ปรากฏชื่ออาณาจักรซูเมอร์ เอาไว้และกล่าวว่าอาณาจักรนี้ ถือกำเนิดขึ้นราว 3500 ปีก่อนคริสต์กาล

ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของ สมัยประวัติศาสตร์ตะวันตก อย่างแท้จริง หลักฐานทางโบราณคดี เหล่านี้ชี้ไปในทางเดียวกันทั้งสิ้น จนนักประวัติศาสตร์พูด เป็นเสียงเดียวกันว่า ประวัติศาสตร์เริ่มขึ้นที่ซูเมอร์ โดยประชากรที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ ถูกเรียกขานกันในนาม ชาวสุเมเรียน ก็ยังถือเป็นชนชาติแรกที่ทำการ ประดิษฐ์ตัวอักษรเพื่อบันทึกเรื่องราวต่างๆ

ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญ ในการศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ และการแบ่งเส้นเวลาออกเป็น สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และ สมัยประวัติศาสตร์ การประดิษฐ์ตัวอักษร ของชาวสุเมเรียนนั้น นักโบราณคดีเชื่อว่า ชาวสุเมเรียนเป็นชนชาติแรก ที่คิดประดิษฐ์อักษรได้ก่อนชนชาติอื่น ตัวอักษรดังกล่าวเรียกว่า ตัวอักษรคูนิฟอร์ม หรืออักษรรูปลิ่ม

อารยธรรมตะวันตก ประวัติศาสตร์สากลที่น่าสนใจ เหตุการณ์ประวัติศาสตร์โลก

มีลักษณะเป็นอักษรภาพ เช่นเดียวกับอักษรภาพของชาวอิยิปต์ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องหมายรูปลิ่ม จำนวนหลายร้อยตัว เขียนโดยการกดก้านอ้อแหลมๆ ลงบนแผ่นดินเหนียวที่ยังไม่แห้ง แล้วนำไปตากหรือเผาจนแข็ง อักษรรูปลิ่มนี้กลายเป็น ต้นแบบตัวอักษรของโลกตะวันตก คือกรีกและโรมันในเวลาต่อมานั่นเอง ลักษณะของดินแดนแห่งนี้ ดินแดนแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากแม่น้ำทั้งสองสาย ท่วมท้นตลิ่งในฤดูใบไม้ผลิ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อน้ำลดพื้นดินจึงเต็มไปด้วย

โคลนตมที่กลายเป็นปุ๋ยอันอุดมสมบูรณ์ ทำให้บริเวณนี้เหมาะแก่การ เพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ดินแดนจากเมโสโปเตเมียไปจนถึง ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จึงมีชื่อว่า ดินแดนพระจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์ อาณาจักรนี้เนื่องจาก ไม่ได้มีแค่เพียงชาวสุเมเรียนอาศัยอยู่เท่านั้น แต่ในภายหลังก็ได้มีคนชนเผ่า สมัยก่อนประวัติศาสตร์ หรือผู้อพยพ พวกฟินีเชียนอมอไรต์

และฮิบรู พวกอินโด-ยูโรเปียน และเปอร์เซียน เข้ามาตั้งถิ่นฐานกันด้วย ประวัติศาสตร์คือ นั่นทำให้ในด้านความเชื่อ มีความหลากหลาย แต่หลักๆแล้วจะขึ้นกับ พระผู้เป็นเจ้า เพียงองค์เดียว โดยส่วนใหญ่จะมีการนับถือ พระเจ้าองค์เดียว ที่มีนามว่า พระยะโฮวาห์ คนในดินแดนเมโสโปเตเมีย มีความเชื่อถือโชคลาง เทพเจ้าที่สถิตในธรรมชาติ ความเชื่อในศาสนา

ทำให้เกิดการ สร้างศาสนสถาน เช่น ชาวสุเมเรียนนำดินเหนียว มาสร้างศาสนสถานขนาดใหญ่ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่เรียกว่า “ซิกกูแรต” เพื่อบูชาเทพเจ้าที่มีหลายองค์ เช่น เทพเจ้าแห่งท้องฟ้า ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ เป็นต้นจะเห็นได้ว่า เทพเจ้าเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ เชื่อมโยงกับธรรมชาติทั้งสิ้น ต่อมาในอารยธรรมที่เกิดขึ้น ในช่วงเวลาต่อจากเมโสโปเตเมีย

ประวัติศาสตร์ที่มีหลักฐาน

อารยธรรมตะวันตก ประวัติศาสตร์มีอะไร? ประวัติศาสตร์น่ารู้ 

นั่นก็คือ อารยธรรมอียิปต์ ในแถบลุ่มแม่น้ำไนล์นั่นเอง บริเวณลุ่มแม่น้ำไนล์ ซึ่งถือว่าเป็นสายน้ำที่ยิ่งใหญ่ นั่นจึงเปรียบเสมือนโอเอซิสท่ามกลางทะเลทราย ที่เป็นแหล่งกำเนิดชั้นดี ของอารยธรรมอันรุ่งเรืองใน อารยธรรมอียิปต์ นั่นได้แบ่งออกเป็นหลายช่วงเวลา เริ่มจากสมัยอาณาจักรเก่า โดยกษัตริย์หรือฟาโรห์ จะมีอำนาจสูงสุด โดยมีผู้ช่วยในการปกครองคือขุนนาง หัวหน้าขุนนางเรียกว่า “วิเซียร์” และมีหน่วยงานย่อยๆ ประวัติศาสตร์คือ ในการบริหารประเทศ

แต่ละเมืองแต่ละหมู่บ้านมีผู้ปกครองระดับต่างๆ ดูแลเป็นลำดับขั้น และแน่นอนว่า สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่าง พีระมิด ก็ถูกสร้างโดยเหล่าแรงงาน ที่มาทำงานให้แก่ทางการ ในยุคสมัยต่อมา ก็ได้มีการรวมอาณาจักรน้อยใหญ่ เข้าด้วยกันจนเกิดเป็นราชวงศ์อียิปต์ขึ้นมา ปกครองอาณาจักรใหญ่ทั้งหมด ในเวลาต่อมาก็ได้ กำเนิดยุคที่เรียกว่า

สมัยอาณาจักรกลาง ฟาโรห์เปลี่ยนภาพลักษณ์จาก ผู้ปกครองที่อยู่ห่างไกลประชาชน มาเป็นผู้ปกป้องประชาชน ดำเนิดการลดการสร้างพีระมิด ที่เป็นสิ่งแสดงให้เห็นถึง ประวัติศาสตร์คือ ความเสื่อมของราชวงศ์ ที่กดขี่ใช้แรงงานทาสไปแบบไร้ซึ่งเหตุผล เปลี่ยนแนวมาเป็น การให้แรงงานทำในสิ่ง ที่เกิดประโยช์เช่น สมัยก่อนประวัติศาสตร์ การระบายน้ำในบริเวณสามเหลี่ยม

ปากแม่น้ำเพื่อช่วยการเกษตร การขุดคลองเชื่อมแม่น้ำไนล์ กับทะเลแดงเพื่อการสะดวก ในการค้าและขนส่งเป็นต้น และในช่วงสุดท้ายของ อารยธรรมอียิปต์ นั่นก็คือ สมัยอาณาจักรใหม่ โดยฟาโรห์อเมนโฮเตปที่ 4 ทรงเปลี่ยนแปลงความเชื่อ ในเรื่องการนับถือเทพเจ้าหลายองค์ มาเป็นการนับถือเทพเจ้าองค์เดียว คือ เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์

วัฒนธรรมโบราณ

ประวัติศาสตร์ที่เป็นตํานาน กลายเป็นตำนานเล่าขาน ความจริงที่นักประวัติศาสตร์ ศึกษาไม่จบสิ้น

ทำให้เกิดความไม่พอใจ ในหมู่ขุนนางและประชาชน นำไปสู่ความตกต่ำของราชวงศ์นี้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อฟาโรห์ตุตันคาเมนขึ้นครองราชย์ จึงเปลี่ยนกลับไป ประวัติศาสตร์คือ นับถือเทพเจ้าหลายองค์เช่นเดิม จนในท้ายที่สุด อารยธรรมอียิปต์ ก็ได้ล่มสลายมีบางส่วน ถูกหลอกรวมไปใน อารยธรรมโรมัน ในเวลาต่อมา สมัยก่อนประวัติศาสตร์ อารยธรรมโรมัน กำเนิดที่

คาบสมุทรอิตาลี ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ ของทวีปยุโรป โดยมีลักษณะเป็นแหลม ประวัติศาสตร์คือ ยื่นลงไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา ได้แก่ เทือกเขาแอลป์ ซึ่งกั้นคาบสมุทรอิตาลี ออกจากดินแดนส่วนอื่น ของทวีปยุโรป และเทือกเขาแอเพนไนน์ ซึ่งเป็นแกนกลางของคาบสมุทร จึงทำให้การตั้งถิ่นฐาน

ของชุมชนอยู่อย่างกระจัดกระจาย เป็นชุมชนเล็กๆ อารยธรรมโรมัน นั้นถือเป็นหนึ่งในอารยธรรมที่ มีความเข้มแข็งเป็นอย่างมาก สังเกตุได้จาก หลักฐานทางโบราณคดี หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ต่างๆที่ยังคงหลงเหลือ มาให้เห็นกันถึงปัจจุบัน ความโดดเด่นของ อารยธรรมโรมัน เกิดจากรากฐานที่แข็งแรง ซึ่งได้รับอิทธิพลจาก อารยธรรมกรีก

การศึกษาประวัติศาสตร์ ทำให้เราได้รู้ รากฐานของสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันอย่างแท้จริง

และอารยธรรมของดินแดนรอบๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ผสานกับความเจริญก้าวหน้า ที่เป็นภูมิปัญญาของชาวโรมันเอง ที่พยายามคิดค้นสร้างระบบต่างๆ ประวัติศาสตร์สำคัญ เพื่อดำรงความยิ่งใหญ่ ของจักรวรรดิโรมันไว้ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ยกตัวอย่างเช่นสิ่งของ ดังต่อไปนี้

เว็บโหลดเกม

ของฝากออสเตรีย

เที่ยวลัตเวีย

เกมอีสปอร์ตยอดนิยม

วัฒนธรรมไทย